Quotation ของ HTML
การใส่ Quotations แบบสั้นๆ หรือ ".."
ตัวอย่าง
<p><q>ทุกคนล้วนตายไม่ว่าใครก็ตาม</q></p>
การใส่ Quotation แบบยาว
ตัวอย่าง
<p>บทความนี้สำคัญลองอ่านดู</p>
<blockquote
cite="https://www.facebook.com/adminoeve">
อยากให้กาแฟหวาน ต้องเติมน้ำตาล
อยากได้ความรักที่ยาวนาน...ให้มาหาเรา
</blockquote>
เมื่อเราย่อข้อความเราควรทำให้เวลาเอาเมาส์ไปชี้ข้อความที่ย่อแล้วแสดงข้อความที่เต็ม
<abbr>
ตัวอย่าง
<p><abbr title="Hyper Text Markup Language">HTML </abbr> </p>
การใส่ข้อมูลแบบที่อยู่ <address>
ตัวอย่าง
<address>
เขียนโดย นักเขียน ระดับโลก<br>
999/9 , พะเยา<br>
ประเทศไทย
</address>
การใส่หัวเรื่อง <cite>
ตัวอย่าง
<p><cite>สิ่งสวยงาม</cite> โดย นักวาด ระดับโลก เขียนเมื่อปี 1990
การทำตัวอักษรสลับไปมา หรือเรียกว่า Bi-Directional Overide
ตัวอย่าง
<bdo dir="rtl">นี้เป็นข้อความที่ถูกกลับ</bdo>
HTML5
วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2558
Formatting Elements ของ ข้อความ ใน HTML
การ Formatting ข้อความ
หรือเรียกอีกอย่างว่า การจัดรูปแบบของข้อความให้เป็นตามที่เรากำหนดไว้ โดยใส่ tag เพื่มเติมลงไปก็จะได้รูปแบบช้อความในแบบที่ต้องการ ทำให้มีสีสันกับข้อความและทำให้เว็บน่าสนใจยิ่งขึ้นการทำตัวหนังสือให้หนา และ Strong
ตัวอย่าง
<p> นี้เป็นตัวหนังสือปกติ</p>
<p><b>นี้เป็นตัวหนังสือที่หน้าขึ้นแล้ว</b></p>
การทำตัวหนังสือให้มีความสำคัญ ก็จะมีลักษณะเช่นเดียวกับการทำตัวหนังสือหนา
ตัวอย่าง
<p>นี้เป็นข้อความธรรมดา</p>
<p><strong>นี้เป็นความความ strong แล้ว </strong></p>
การทำตัวหนังสือเอียงมีสองแบบคือ ltalic และ Emphasized
ตัวอย่าง
<p>นี้เป็นข้อความธรรมดา</p>
<p><i>นี้เป็นข้อความที่เป็นตัวเอียงแล้ว</i></p>
มีการทำให้ตัวหนังสือเอียงอีกวิธีคือ Emphasized
ตัวอย่าง
<p>นี้เป็นข้อความธรรมดา</p>
<p><em>นี้เป็นข้อความที่ทำให้ตัวหนังสือเอียงแล้ว</em><p>
*Browsers จะแสดง <strong> เหมือนกับ <b> และ <em> เหมือนกับ <i>
อย่างไรก็ตาม ความหมายจะแตกต่างกัน
<b> และ <i> บอกว่าตัวหนังสือหนาและเอียง
แต่ <strong> และ <em> มีความหมายความเป็นข้อความที่มีความสำคัญ
การทำ Small Formatting
เป็นการทำตัวหนังสือมีขนาดที่เล็กลง
ตัวอย่าง
<h1><small>ข้อความนี้ก็จะถูกทำให้เล็กลง</small></h1>
การทำ Marked Formatting
เป็นการทำให้ตัวหนังสือถูกเน้นข้อความขี้นมา(จะเป็นสีเหลืองทับตัวหนังสือ)
ตัวอย่าง
<p><mark>นี้เป็นส่วนสำคัญ<mark></p>
การทำ Deleted Formatting
เป็นการทำให้ความข้อนั้นถูกขีดฆ่า
ตัวอย่าง
<p><del>สีแดง</del>ไม่ถูกต้องต้องเป็นสีฟ้า</p>
การทำ Subscript Formatting
เรียกอีกอย่างได้ว่าเป็นการทำตัวหนังสือที่ห้อยลงมา
ตัวอย่าง
<p>โมเลกุลของน้ำมีสูตรดังนี้ H<sub>2</sub>O</p>
การทำ Superscript Formatting
หรือเรียกอีกอย่างว่า การทำตัวหนังสือยกขึ้น
ตัวอย่าง
<p>สองยกกำลังห้า สามารถเขียนได้เป็น <sup>2</sup>5 </p>
วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2558
Styles ใน HTML
HTML Styling
การเปลี่ยน style Element สามารถใช้ style attribute.
ตัวอย่าง
<body style="background-color:red">
นี้คือข้อความที่อยู่ใน body
</body>
ดังตัวอย่างที่เห็นเป็นการเปลี่ยนสีพื้นหลังให้เป็นสีแดง
จะมี attribute bgcolor แต่ตัวนี้จะใช้กับ HTML5 ไม่ได้ ใช้ได้เฉพาะ HTML
ไวยากรณ์ ของ HTML style attribule มีดังนี้
style="property:value"
property คือ CSS property และ value คือ CSS value.
เราจะสอนเรื่อง CSS อีกที
เปลี่ยนสีตัวหนังสือใน HTML
property ของ color สามารถใช้ได้กับ element html
ตัวอย่าง
<h1 style="color:blue">นี้คือส่วนหัวเรื่อง เป็นตัวสีน้ำเงิน</h1>
<p style="color:red">นี้คือส่วนที่เป็น paragraph ตัวหนังสือจะเป็นสีแดง</p>
เปลี่ยน fonts ใน HTML
property ของ font-family สามารถใช้ได้กับ element HTML
ตัวอย่าง
<h1 style="font-family:verdana"> นี้คือส่วนหัวจะเป็น font ของ verdana </h1>
<p style="font-family:courier"> นี้เป็นส่วนของ Paragraph เป็น font ของ courier</p>
tag <font> ไม่สนับสนุนใน HTML5 แต่ยัง สนับสนุน HTML เวอร์ชั่นที่เก่าอยู่
เปลี่ยนขนาดของตัวหนังสือ
property ของ font-size สามารถใช้ได้กับ element HTML
ตัวอย่าง
<h1 style="font-size:300%> นี้คือส่วนหัว </h1>
<p style="font-size:160%> นี้คือส่วน Paragraph </p>
เปลี่ยนตำแหน่งของตัวหนังสือ
property ของ text-align ปกติก็จะกำหนดให้อยู่ในแนวนอน แต่เราสามารถทำให้อยู่กลางได้
ตัวอย่าง
<h1 stype="text-align:center">หัวข้อนี้จะอยู่ตรงกลาง</h1>
<p>นี้ก็เป็นข้อความใน paragraph </p>
tag <center> ไม่สามารถใช้ได้ใน HTML5 ได้แล้ว แต่ก็ยังใช้ได้ใน HTML รุ่นเก่ากว่า
วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
จัด Paragraphs ใน HTML
tag <p>...</p> ที่ย่อมาจาก Paragraphs
ไม่ว่าใน code จะเว้นวรรคกี่บรรทัด tag <p>...</p> ก็จะจัดใช้อยู่ชิดกัน หมายถึงไม่ว่าจะ มีกี่ spaesbar (เคาะ) tag <p>...</p> ก็จะทำให้มี ระยะห่างของตัวหนังสือ 1 ช่องเท่านั้น
แต่ละครั้งที่ใช้ tag <p>...</p> ก็จะมีการเว้นบรรทัดให้ทุกครั้งในแต่ละ tag p นั้นๆ
อย่าลืมว่า tag <p>...</p> ต้องมี tag เปิดและลงท้ายต้วย tag ปิดอยู่เสมอ
เวลาจะเว้นบรรทัดเองควรใช้ tag <br />
รู้จักกับ tag <pre>...</pre>
จะแสดงผลเหมือนกับตอนที่เราเขียนใน code หากข้อความใน code มีการเว้นบรรทัด tag <pre>...</pre> ก็จะเว้นบรรทัดให้ด้วย หากใน code ไม่มีการเว้นบรรทัด tag <pre>...</pre> ก็จะไม่เว้นให้เหมือนกัน
วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
Headings ใน HTML คือไรกัน
tag headdings มีทั้งหมด 1-6 คือจะมี
<h1>...</h1> ไปจนถึง <h6>...<h6>
ค่า h1 จะใหญ่สุด
ค่า h6 จะเล็กที่สุด
แสดงตัวอย่าง code ดังนี้
<h1>ข้อความนี้ได้ใส่ tag h1</h1>
<h2>ข้อความนี้ได้ใส่ tag h2</h2>
<h3>ข้อความนี้ได้ใส่ tag h3</h3>
<h4>ข้อความนี้ได้ใส่ tag h4</h4>
<h5>ข้อความนี้ได้ใส่ tag h5</h5>
<h6>ข้อความนี้ได้ใส่ tag h6</h6>
ผลที่ได้คือ
ข้อความนี้ได้ใส่ tag h1
ข้อความนี้ได้ใส่ tag h2
ข้อความนี้ได้ใส่ tag h3
ข้อความนี้ได้ใส่ tag h4
ข้อความนี้ได้ใส่ tag h5
ข้อความนี้ได้ใส่ tag h6
การใช้ headings นั้นควรใช้เมื่อข้อความนั้นเป็นหัวข้อหรือรองหัวข้อจริงๆ หากต้องการให้ตัวหนังสือใหญ่ก็ให้ tag <big>...</big> หรือ tag <b>...</b>
ต่อมาจะเป็นการพูดถึงเรื่อง tag <hr />
ข้างล่างนี้เป็นการแสดง tag <hr />
<hr />
ผลที่ได้ดังรูปด้านล่างนี้
tag <head>...</head>
เป็น tag ส่วนหัว ส่วนใหญ่เก็บ tag
<title>...</title> , <meta /> หรือ พวก <skip >...</skip > ต่างๆ
จำไว้ว่า tag <head>...</head> ไม่ใช่ heading
tag <title>...</title> จะเอาไว้ใส่ข้อความบน bar ของหน้าต่างนั้นๆ
tag <stype>...</stype> ใช้สำหรับเขียน css file นั้น
tag <link /> ใช้สำหรับเขียน css ที่อยู่นอก file
เทคนิคในการ view source ควร view Broser ตัวหลัก เช่น ของ IE Chome Opara Frifox
วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
Attributes คืออะไรใน HTML
ทำความรู้จักกับ Attributes
-ในแต่ละ element จะมี attributes
element html อาจมี attributes lang
ตัวอย่าง
<html lang="US">....</html>
จาก code ข้างบนหมายถึงให้หน้า html นี้เป็น ภาษา US
-การมี attributes ทำให้ element มีความซับซ้อนมากขึ้น
เช่น การใส่ attributes title ใน element p ก็จะทำให้เมื่อเอาเมาส์ไปชี้ที่ ที่อยู่ใน element p จะทำให้เกิดข้อความที่ได้กำหนดใน title ได้
ตัวอย่าง
<p title="นี้คือข้อความด้วยย่อ">.......</p>
-a tag ก็จะมี href เป็น attributes เพื่อกำหนดหน้าที่จะลิงค์ไป
ตัวอย่าง
<a href="www.goog.com">.....คลิ๊กที่นี่</a>
-img tag ก็จะมี src,width,height เป็น attributes
ซึ่ง attributes srcก็จะกำหนดตำแหน่งที่รูปภาพอยู่
attributes width และ height ก็กำหนด ความกว้างและความ สูงเช่นกัน
ตัวอย่าง
<img src="picture.png" width="auto" height="120px" />
-การเขียน attributes แนะนำให้เขียนเป็นตัวพิมพ์เล็กเพื่อจะทำให้เวลากลับมาอ่าน code จะอ่านได้ง่าย
-value คืออะไร
value คือค่าที่อยู่ใน attributes
ตัวอย่าง
<a href="www.google.com">....คลิ๊กที่นี่....</a>
ใน tag a นี้ value คือ www.google.com
attributes
-การใส่ค่า value ใน attributes แนะนำให้ใส่ Quote
ตัวอย่าง
<a href="www.google.com">....คลิ๊กที่นี่....</a>
Element ของ HTML คืออะไรกัน?
ข้อความระหว่าง tag เปิด/ปิด เราเรียกว่า content
ตัวอย่าง. tag <b>...</b>
<b>นี่เรียกว่า content</b>
ถ้ามี
<html>
<head>
<head>
<body>
</body>
</html>
จากโครงสร้างด้านบน เราเรียกว่ามี 3 element คือ
- <html>...</html>
- <head>...</head>
- <body>...</body>
มีแค่สามตัว ก็มี 3 element
หากเราได้เปิด tag แล้ว เราต้องเปิด tag เสมอ
ตัวอย่าง <html>.....</html>
*นิดหน่อย* HTML 5 ไม่จำเป็นต้องใช้ tag ตัวพิมพ์เล็ก จะใช้ตัวพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ได้เหมือนกัน
ตัวอย่าง.
<htML>....</HTML>
<HTML>...</HTML>
<html></html>
สามรูปแบบนี้สามารถใช้ได้หมด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)